ชนเผ่าแรกที่สักการะสังเวยดวงอาทิตย์ อาจจะเป็นชนเผ่าซูเมอเรียน (Sumerians) ผู้สร้างความรุ่งเรืองให้ชาวแบบิโลเนียน (Babylonians) เมื่อราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ครั้นมาถึงรัชสมัยพระเจ้าฟาโรห์อัคเฮนตัน (Pharaoh Akhenaton) ราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล ก็ทรงถือดวงอาทิตย์เป็นสุริยเทพ มีการสร้างวิหารอุทิศแด่สุริยเทพด้วย การบวงสรวงดวงอาทิตย์ ยังแพร่ไปถึงชนเผ่าอินคา (Incas) ในเปรู และเผ่าอัซเทก (Aztecs) ในเม็กซิโก

ปิรามิดหันสู่ทิศสำคัญคือทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก พอดี มีช่องทางเดิน สู่ใจกลางปิรามิด ชี้ตรงไป ยังดาวทูแบน (Thuban) ซึ่งเคยเป็น ดาวเหนือ ของโลก ในยุคนั้น

สันนิษฐานว่าอนุสาวรีย์เสาหินเทิน คือ หอดูดาว ของคนโบราณ แสดง การเคลื่อนที่ขึ้น และตกของดวงอาทิตย์ ณ ขอบฟ้า ของแต่ละวันในรอบ 1 ปี
นอกจากนั้นยังจะต้องมีการสังเกตดวงดาวและปรากฏการณ์ที่เกิดจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ มาแต่ดึกดำบรรพ์ จึงมีรูปเขียนเป็นหลักฐานไว้ตามผนังถ้ำ รอยสลักบนแผ่นดินเหนียวเผา แผ่นไม้ หรือแผ่นหิน ให้เราได้ใช้เป็นหลักฐานไว้ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
ภาพแกะสลักรูปกษัตริย์อิชาร์ฮัดดัน (Esarhaddon) ของชาวอัสซีเรีย มีสัญญลักษณ์ของ เทพเจ้า แห่งดวงดาว ปรากฎอยู่แสดงความหมายแห่งอิทธิพลของดวงดางต่อมนูษย์ เมื่อสืบค้น ตำแหน่ง ดาว ที่บันทึกไว้ บนแท่นหิน จึงทราบว่ากษัตริย์อิชาฮัดดัน ทรงปฏิสังขรณ์ โบสถ์วิหาร ที่ถูกรุกราน ในเดือน มิถุนายน 681 ปีก่อนคริสตกาล
|